ต้องยอมรับเลยว่าในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโลกของเราผ่านวิวัฒนาการมาหลายยุคหลายสมัยจริงๆ ในอดีตเราเคยผ่านการใช้แรงงานมนุษย์อย่างหนักหน่วงสำหรับการสร้างโลกให้ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าต้องรวมไปถึงแรงงานทาสด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะถูกกดขี่ข่มเหงตามใจชอบแล้ว ยังไม่มีการจ่ายค่าแรงใดๆ ทั้งสิ้นอีกด้วย โดยอย่างที่ทราบกันว่าโลกของเราหมุนอยู่ทุกๆ วัน จากที่เคยไร้เทคโนโลยีทุกชนิด กลายมาเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีอย่างแท้จริง และมนุษย์กำลังใช้เทคโนโลยีเหล่านี้สำหรับการขับเคลื่อนโลกของเราไปข้างหน้า ดังนั้นนับแต่ปี 2023 เป็นต้นไป เราจะต้องพบเห็นกับสิ่งน่าทึ่งอีกมากมาย รับรองเลยว่าใครเป็นคนที่มีความชื่นชอบทางด้านเทคโนโลยีมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะต้องรู้สึกเซอร์ไพรส์แน่ๆ
หากจะกล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านจากโลกยุค ปัจจุบัน ไปสู่โลกแห่ง “อนาคต” ต้องขอบอกเลยว่าประเด็นเกี่ยวกับ “AI” ย่อมต้องเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน เพราะหากใครลองมองรอบๆ ตัวเรา ก็จะเห็นชัดเจนเลยว่าตอนนี้ AI เริ่มขยับขยายบทบาทเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์แล้ว ที่สำคัญคือมีการพัฒนาขีดความสามารถของ AI ให้เหนือกว่าความสามารถมนุษย์ไปหลายเท่าตัว และน่าจะพัฒนาขีดความสามารถ AI ได้อีกค่อนข้างไกลในวันข้างหน้า จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า AI จะเข้ามาแย่งงานของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นบรรดาเหล่ามนุษย์ทั้งหลายจำเป็นต้องปรับตัว พร้อมกับพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ รวมถึงควรเลือกทำงานในอาชีพที่ AI ไม่สามารถเข้ามาทำงานทดแทนได้ ล่าสุดประโยคที่ว่า Life Long Learning หรือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงเข้ามาอยู่ท่ามกลางความสนใจของใครหลายคน โดยเราควรเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากตอนนี้หลายทักษะเริ่มหมดความสำคัญไปเรียบร้อยแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องไขว่คว้าความรู้เกี่ยวกับทักษะใหม่ๆ กันเอาไว้บ้าง
แต่นอกเหนือจากการรับมือเกี่ยวกับการเข้ามาของ AI แล้ว สิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับมวลมนุษยชาติ ส่วนตัวคิดว่าคงจะไม่พ้น ภัยธรรมชาติ เพราะนับวันอุณหภูมิของโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อันจะเป็นสาเหตุให้เกิดภัยธรรมชาติทั้งหลายตามมา โดยอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าในอดีตเราเคยเจอกับภัยธรรมชาติมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แถมในบางครั้งยังคร่าชีวิตคนไปมากมายมหาศาลอีกด้วย สำหรับประเทศไทยเองก็เคยเจอกับภัยธรรมชาติหนักๆ เช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือเหตุการณ์ “สึนามิ” เมื่อปี พ.ศ.2547 โดยคร่าชีวิตทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นจำนวนมาก แต่หากจะกล่าวถึงภัยธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า มีนักวิทยาศาสตร์หลายรายทำนายเอาไว้ว่ามันจะมีความรุนแรงกว่าที่ผ่านมาเยอะมาก เพราะโลกของเราในตอนนี้ค่อนข้างเปราะบาง เปรียบเสมือนผู้ป่วยที่ร่างกายเริ่มโรยราลงทุกที จึงเป็นเรื่องธรรมดาหากหลายๆ คน จะค่อนข้างมีความกังวลเป็นพิเศษ
ทุกๆ สิ่งในจักรวาลที่เกิดขึ้นมา เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมก็จะมาถึง จุดแตกดับ ในที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องรวมไปถึง โลก ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็แล้วแต่ มีความเป็นไปได้สูงมากว่า อวสานของโลก จะต้องมาถึงในสักวัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีอายุขัยทั้งสิ้น บรรดาเหล่านักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มมีการพูดคุยถึงการย้ายถิ่นฐานออกไปสู่นอกโลกกันบ้างแล้ว เพียงแต่ปัจจุบันเรายังไม่พบเจอดาวดวงใดที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตเลยสักดวง แต่หากพบเจอดาวที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิต ก็มักจะอยู่ห่างไกลออกไปหลายล้านปีแสง ซึ่งไม่มีทางที่มนุษย์จะสามารถเดินทางไปถึง ขณะที่ดาวอังคารซึ่งหลายๆ คนเคยให้ความสนใจ ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเพียบ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต ดังนั้นจึงต้องมาจับตารอดูวิวัฒนาการของโลกอนาคตกันต่อไป ว่าโลกของเราจะเดินไปยังทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆ คือคนที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์เท่านั้น ถึงจะเอาตัวรอดได้ในโลกอนาคต